พระราชทานอภัยลดโทษ "ทักษิณ" เหลือจำคุก 1 ปี หลังยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป โดยมี "บิ๊กตู่" ลงนามเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ ความว่า ตามที่นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน 3 คดี คดีที่ 1 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 4/2551 ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก 3 ปี คดีที่ 2 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 10/2552 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งคดีที่ 1 กับคดีที่ 2 นับโทษซ้อนกันรวมกำหนดโทษจำคุก 3 ปี และคดีที่ 3 คดีหมายเลขแดง ที่ อม. 5/2551 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม กำหนดโทษจำคุก 5 ปี รวมกำหนดโทษจำคุก 8 ปี รับโทษมาแล้ว 10 วัน เหลือโทษจำคุก 7 ปี 11 เดือน 20 วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ความว่าเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษา ขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นั้น
ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้
นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยว่า เอกสารยื่นขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ต้องขังที่พักรักษาอาการป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจส่งมาถึงตนเองแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าอาการป่วยสามารถใช้เป็นข้ออ้างของพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ได้ แต่โดยปรกติแล้ว คนที่ขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนมากจะอ้างคุณงามความดี 3 ประการ คือคุณงามความดีในอดีต คุณงามความดีในปัจจุบัน เช่น ขณะนี้เป็นนักโทษได้เลื่อนชั้นเป็นนักโทษดีเยี่ยม และอาจระบุในอนาคตจะบวชหากได้พ้นโทษไปแล้วจะไปทำคุณงามความดีก็สุดแล้วแต่
"จากนี้ก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนและคงไม่สามารถเปิดเผยเหตผลการพระราชทานอภัยโทษได้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว และบอกไม่ได้ว่ายื่นขอพระราชทานอภัยโทษมาทุกคดีหรือไม่ และยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่มีคนในตระกูลชินวัตรติดต่อมาขอคำปรึกษาเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ" นายวิษณุ กล่าวและว่า การขอพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ เป็นการขอเฉพาะบุคคล ไม่เกี่ยวกับโอกาสวันสำคัญ ไม่ต้องดูว่ารับโทษมาแล้วเท่าไหร่ เป็นพระมหากรุณาธิคุณทั้งนั้น ทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบ ซึ่งมีขั้นตอนไม่นาน ส่วนจะทันในสมัยที่ตนยังรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมหรือไม่ ก็คงไม่ทราบ เพราะยังไม่รู้ว่าจะอยู่ต่ออีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากการตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังไม่เสร็จ
เมื่อถูกถามว่ากรณีนายทักษิณถือว่าเป็นการปฏิบัติแบบสองมาตรฐานหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่า ไม่ใช่สองมาตรฐาน เราต้องแยกให้ออกว่าอะไรเป็นขั้นตอนตามสิทธิ และอะไรเป็นขั้นตอนที่เป็นความเห็นของรัฐบาล หรืออะไรเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อยู่ในพระราชอำนาจ ต้องแยกให้ออกว่ามันเป็น 3 เรื่อง หนึ่งคือเป็นสิทธิของเขา เมื่อเขาใช้สิทธิก็มาถึงขั้นตอนของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการ และขั้นสุดท้ายเป็นเรื่องพระราชอำนาจ จะโปรดเกล้าฯลงมาอย่างไร ถือว่าเรื่องสิ้นสุดเด็ดขาดตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญและไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลด้วย
ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่านายทักษิณป่วยจริงหรือไม่ พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจริงหรือไม่นั้น นายวิษณุ ยืนยันว่า นายทักษิณออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯจริง หลังจากที่พักอยู่ถึงเวลา 24.00 น.ของวันที่เดินทางกลับมามอบตัว เนื่องจากมีความดันสูงเกือบ 200 รวมถึงต้องกินยาสลายลิ่มเลือด คงแพ้อะไรสักอย่าง ทำให้อาการทรุดหนักลง แต่หนักขนาดไหนส่วนตัวไม่ทราบ ได้ฝากฝังให้แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจดูแล และนายทักษิณยังอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ ใครจะไปเยี่ยมก็ไปที่นั่น และอีกสักพักยก็จะเปิดให้คนอื่นเข้าเยี่ยมได้ด้วย