โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เผยตัวเลขผลิตรถยนต์เดือนส.ค.ที่ผ่านมามีจำนวน 150,657 คัน ลดลง 12.2% แต่ยอดส่งออกกลับเพิ่ม 19.41% จี้รัฐบาลออกมาตรการต่อยอดส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราเติบโตค่อนข้างสูง เชื่อการที่นายกฯชวนเทสล่ามาลงทุนในไทยจะดึงอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตามมาได้อีกมาก
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดการผลิตรถยนต์เดือนสิงหาคม 2566 ว่า มียอดรวมทั้งสิ้น 150,657 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ร้อยละ 12.2 เนื่องจากการผลิตรถกระบะเพื่อขายในประเทศลดลงจากช่วงเดียวกันของผีที่ผ่านมาถึง ร้อยละ 41.6 ซึ่งเป็นไปตามยอดขายในประเทศที่ลดลงมาตั้งแต่ต้นปี อีกปัจจัยที่ทำให้ยอดการผลิตปีนี้นอกกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เนื่องจากช่วงเดือนสิงหาคมของปีที่ผ่านมาเริ่มได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นมาก จึงผลิตรถได้มาก ยอดการผลิตปีที่แล้วจึงสูง
สำหรับยอดรถยนต์ที่ผลิตได้ตั้งแต่เดือนมกราคม – สิงหาคม 2566 มีทั้งสิ้น 1,221,878 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – สิงหาคม 2565 ร้อยละ 3.13 ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 87,555 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.41 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 82,318.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 15.13 ในส่วนของยานยนต์ไฟฟ้าเดือนสิงหาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่ 9,076 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 293.92 เป็น รถยนต์นั่ง 6,594 คัน ส่งผลให้ 8 เดือนแรกของปีนี้ มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสม 59,025 คัน เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 433.05
"อยากให้รัฐบาลเร่งอนุมัติมาตรการ EV 3.5 ต่อเนื่องจาก EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดในปีนี้ และอยากให้รัฐบาลให้เงินอุดหนุนการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เร่งติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ทั่วถึง ผลิตบุคลากรที่มีความรู้เรื่องการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมไฮเทคที่จะเข้ามาลงทุนในอนาคต เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจว่าประเทศไทยมีบุคลากรเพียงพอ นอกจากนี้ยังอยากให้ส่งเสริมดัดแปลงรถยนต์เก่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มรายได้ชุมชน ลดมลพิษรวมถึงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย ซึ่งจะมีผลช่วยให้ไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเร็วขึ้น ที่สำคัญก็เร่งต้องแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศด้วย" นายสุรพงษ์ กล่าวและว่า ดีใจที่เห็นนายกรัฐมนตรีพูดที่สหประชาชาติ ชักชวนนักลงทุนรายใหญ่จากสหรัฐมาลงทุนในไทย เพราะประเทศไทยขาดเงินลงทุนจากต่างประเทศมาเป็นเวลานาน การที่นายกรัฐมนตรีชักชวนผู้ผลิตรถนรต์เทสล่ามาลงทุน นับเป็นเรื่องนี้เพราะจะมีอุสาหกรรมต่อเนื่องเกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ตามมาลงทุนอีกหลายบริษัท ซึ่งจะทำให้มีการจ้างงานในประเทศมากขึ้นอันจะส่งผลีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม นอกจากนี้ยังอยากให้รัฐบาลส่งเสริมการเพิ่มอัตราการเกิดของประชากรเนื่องจากไทยประสบปัญหาเรื่องการเพิ่มสัดส่วนแรงงานมานาน 15 ปีแล้ว