"เมดิเซเลส” ส่ง Neuronox กลับคืนสู่ตลาดหลังห่างหายไปนานกว่า 3 ปี อันเนื่องมาจากได้รับผลกระทบจากคดดีความของบริษัมผู้ผลิตในเกาหลีกับคู่แข่งทางการค้า เมื่อคดีความสิ้นสุดจึงกลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้ง ระบุเป็นเรือธงที่จะทำให้รายได้บริษัทโตขึ้นอีก 50% จากปีที่แล้ว คาดยอดขายรวมทะลุ 600 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ โรงแรม สยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ บริษัท เมดิเซเลส จำกัด ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด กับ เมดิท็อกซ์ อิงค์ ผู้ผลิตยาโบทูไลนุ่ม ท็อกซิน มาตรฐานสูงอันดับหนึ่งจากประเทศเกาหลี จัดงาน MEDYCELES 360 – The Ultimate ONE-STOP TRAINING for Comprehensive Aesthetics Procedures เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับ “Neuronox” โบท็อกซ์ อันดับหนึ่งหายไปจากตลาดในเมืองไทยนานเกือบ 3 ปี เนื่องจากมีปัญหาทางคดีความของบริษัทผู้ผลิตกับคู่แข่งทางการค้าในประเทศเกาหลีใต้
นายสุรวุฒิ วูวงศ์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท เมดิเซเลส จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้คดีความหลักในเกาหลีใต้สิ้นสุดแล้ว ทำให้ Neuronox กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนานถึง 3 ปี ส่วนคดีปลีกย่อยอื่นๆ ก็เป็นเรื่องที่ทางผู้ผลิตจะดำเนินการต่อไป เมื่อคดีความหลีกที่เกี่ยวกับการละเมิดสิ้นสุดแล้ว ทำให้องค์การอาหารและยา (อย.) ไทยได้คืนใบอนุญาตนำเข้า Neuronox และอนุญาตให้บริษัท เมดิเซเลส นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าได้ตามปกติ ซึ่งขั้นตอนที่ทำให้ Neuronox กลับเข้าสู่ตลาดในเมืองไทยล่าช้าอยู่ที่การขึ้นทะเบียนใหม่ เนื่องจากทางบริษัทฯดำเนินการตามขั้นตอน
"ช่วงที่มีคดีความของบริษัทผู้ผลิตที่เกาหลีใต้ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ Neuronox ที่บริษัทนำเข้ามามีปัญหาไปด้วย ตอนนั้น อย.สั่งให้เราเก็บสินค้าออกจากตลาดภายใน 30 วัน เราก็ต้องทำตาม ทำให้บริษัทเกิดความเสียหายปกว่า 110 ล้านบาท และยังต้องทำลายสินค้าในสต็อกที่มีมูล่ากว่า 200 ล้านบาทไปด้วย แต่ทางเกาหลีใต้ก็ได้จ่ายเยียวยามาให้ส่วนหนึ่ง บัดนี้เมื่อทุกอย่างคลี่คลายแล้วเราจึงนำผลิตภัณฑ์ตัวเดิมไปขึ้นทะเบียนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมดิเซเลส มีความพร้อมทวงคืนตำแหน่ง ผู้นำตลาด แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลีอันดับ 1 ในเมืองไทย’ด้วยสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานด้วยสายพันธุ์ออริจินอลเทียบเท่ากับแบรนด์ต้นตำรับแต่มีราคาที่คุ้มค่ากว่าหลายเท่า และบริษัทมีแผนจะต่อยอดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญและงานวิจัยของทีม เพื่อตอบสนองตลาดที่ต้องการยาที่มีนวัตกรรมดียิ่งขึ้น เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมความงามด้วยแพทย์ ถือเป็นอุตสาหกรรมที่ยังไปได้ดี เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีการแข่งขันสูง เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ล้วนให้ความสนใจเรื่องการปรับรูปหน้าซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้กับยอดขายของบริษัท จึงมีโอกาสอีกมากที่ธุรกิจจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 50% ต่อปี"
สำหรับกลยุทธ์เพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาด “เมดิเซเลส” ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ให้กับแพทย์ ด้วยการจัดอบรม การให้ความรู้เชิงปฏิบัติ เปิดเวทีสัมมนา การจัดเวิร์กชอปพัฒนาองค์ความรู้และทักษะการใช้ผลิตภัณฑ์แบบไร้ผลข้างเคียง เพื่อผู้บริโภคและตลาดเกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ การสร้างการรับรู้ในตราสินค้า ผ่านช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ การโฟกัสฐานลูกค้าเดิม เนื่องจากคุ้นเคยกับตัวสินค้าเป็นอย่างดี และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ด้วยการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น และให้ความรู้คนไข้ในการตรวจสอบยาจริงยาปลอมเพื่อให้คนไข้มีความรู้ในการใช้สินค้ามากขึ้น ถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ตอกย้ำผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาความงามจากเกาหลีตัวจริง
"บริษัทฯตั้งเป้าการเติบโตถึง 50 % โดยมียอดขาย 600 ล้านบาทในปีนี้ เพราะได้ Neuronox ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 40% กลับคืนมา นอกจากนี้บริษัทได้ผลักดันฟิลเลอร์นิวรามิสขึ้นมาเป็นแบรนด์ฟิลเลอร์เกาหลียอดขายอันดับ 1 ในเวลาเพียง 3 ปี โดยอัตราการเติบโตธุรกิจเฉพาะส่วนของฟิลเลอร์นิวรามิสในประเทศไทย ปี 2021 เปรียบเทียบปี 2020 อยู่ที่ 30% สำหรับในปี 2022 นี้ มีการเติบโตเป็นอัตรา 60% และคาดว่าปี 2023 จะมีการเติบโตเป็นอัตรา 20%"นายสุรวุฒิ กล่าวและว่า สำหรับ Neuronox นอกจากใช้เพื่อความงามแล้วยังสามารถใช้รักษาโรคคอบิดและโรคกล้ามเนื้อกระตุกได้ด้วย บริษัทจึงต้องการผลักดันห้นำสารตัวนี้เข้าไปใช้ในบัญชียาหลักเพื่อใช้ในการรักษาโรคและเป็นการขยายตลาดอีกช่องทางหนึ่ง
นอกจาก Neuronox แล้วบริษัทยังได้นำเข้า นิวรามิส (Neuramis) ซึ่งเป็นเครื่องมือแพทย์ประเภท ๔ หรือเรียกกันว่า ฟิลเลอร์ (Filler) ที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานและเลขทะเบียนจากองค์การอาหารและยา ประเทศไทย และประเทศต้นกำเนิดคือประเทศเกาหลี และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค บริษัทได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท ศิริราชวิทยวิจัย จำกัด ในงานวิจัย การใช้นิวรามิสเพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปาก เพื่อศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยเพื่อให้แพทย์ผู้ทำหัตถการมีความมั่นใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์นิวรามิสสำหรับริมฝีปากในคนไทย เนื่องจากได้เห็นความสำคัญของการมีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและราคาที่จับต้องได้ภายในประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักมั่นที่ทางบริษัทฯ ยึดถือมาโดยตลอดคือต้องการให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยใช้ในการการปรับรูปหน้า เสริมเติมร่องลึกของใบหน้าที่เกิดจากวัย แต่เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาการใช้ฟิลเลอร์ในการรักษาริ้วรอยบริเวณริมฝีปากและรอบปากในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของงานวิจัยร่วมกับศิริราชวิทยวิจัยในครั้งนี้ ในหัวข้อ “A Single-center, Randomnized, Evaluator-blinded, Active-controlled, Study to evaluate the effectiveness and Safety of Neuramis®deep for correcting in Patients with lip and perioral wrinkles.” เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่คนไข้ทุกคน
ส่วนกิจกรรมมคืนกำไรสู่สังคมบริษัทได้ทำโครงการการกุศลกับหน่วยแพทย์ที่ห่างไกลและขาดอุปกรณ์เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยเด็กสมองพิการ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น โดยการบริจาคยาให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท เวชศาสตร์ฟื้นฟูสำหรับการให้การรักษาเด็กสมองพิการ ผ่านองค์กรการกุศลหรือสถาบันการแพทย์ ด้านเด็กสมองพิการ เช่น โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ สถาบันราชนครินทร์ โรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงใหม่ เป็นต้น
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ที่ใช้ในการผลิต Neuronox จาก บริษัท เมดิเซเลส จำกัด
Neuronox โบท็อกซ์เกาหลีที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยและมีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายมีให้เลือกหลายยี่ห้อ แต่ถึงจะเป็นโบท็อกซ์จากเกาหลีเหมือนกัน สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าได้เช่นเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีข้อแตกต่างที่อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการรักษาต่างกัน ซึ่งตัวแปรสำคัญอยู่ที่ ‘สายพันธุ์’ ที่ใช้ในการผลิต ซึ่งในแวดวงความงามต่างรู้ดีว่า ‘สายพันธุ์ออริจินัล’ หรือ Hall A-hyper เป็นสายพันธุ์ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพที่สุด ย้อนกลับไปในปี 1988 ‘Allergan’ บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาได้ซื้อลิขสิทธิ์งานวิจัยจาก Dr.Alan Brown Scott ซึ่งได้วิจัยทดลอง Botulinum Toxin ชนิด Hall A-hyper ปีถัดมาบริษัท Allergan จึงจดทะเบียนและจัดจำหน่ายโดยใช้ชื่อใหม่ให้เข้าใจง่ายว่า ‘Botox’
ปี 2000 Hyun Ho Jung, Ph.D. ผู้ก่อตั้งบริษัท เมดิท็อกซ์ (Medytox) ประเทศเกาหลีใต้ ได้รับเชื้อ Botulinum Toxin Type A จาก Kyu Hwan Yang, Ph.D. ศาสตราจารย์ประจำวิทยาลัยแห่งชาติ KAIST และศาสตราจารย์อาคันตุกะที่ University of Wisconsin-Madison จึงนำไปคิดค้นและพัฒนาต่อจนกลายเป็น ‘Meditoxin’ แบรนด์โบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อแรกของโลก หรือที่ในประเทศไทยรู้จักกันในชื่อ ‘Neuronox’
‘Neuronox’ จดทะเบียนและได้รับอนุมัติจาก อย. ประเทศไทยในปี 2008 โดยบริษัท เซเลส (ประเทศไทย) จำกัด ในขณะนั้น ถือเป็นโบท็อกซ์เกาหลีแบรนด์แรกในประเทศไทย ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เมดิเซเลส จำกัด หลังจากทำ Joint Venture ร่วมกัน และเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว