กรมการขนส่งทางราง เผยการประเมินผลมาตรการปรับเพิ่มความถี่ และเพิ่มขบวนรถให้บริการช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วยบรรเทาความแออัดของผู้โดยสารได้ และเพิ่มความสะดวกให้ผู้โดยสารมากขึ้น อย่างไรก็ตามผลจากการสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆที่มาเชื่อมโยงกับสายสีน้ำเงินทำให้มีแนวโน้มจะมีผู้ใช้บริการมากขึ้นจากสูงสุด 5.7 แสนคนต่อวันในปัจจุบัน จึงสั่งให้เร่งดำเนินการเพิ่มตู้โดยสารจากขบวนละ 3 ตู้ เป็น 4 ตู้ แต่ต้องใช้เวลาดำเนินการไม่ต่ำกว่า 2 ปี นอกจากนี้ยังสั่งให้สายแอร์พอร์ต เรล ลิงค์แปลงตู้ขนสัมภาระเป็นตู้โดยสารเพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้บริการที่มากขึ้น คาดว่าการดัดแปลงจะเสร็จสิ้นในเดือนกันยายนนี้
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ลงพื้นที่ตรวจวัดความหนาแน่นของปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) เพื่อติดตามผลจากมาตรการที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) (BEM) มีได้เพิ่มขบวนรถเสริม ในช่วงเร่งด่วนเช้าจาก 11 ขบวน เป็น 14 ขบวน และปรับเพิ่มความถี่การให้บริการจาก 3.29 นาทีต่อขบวน เหลือเพียง 2 นาทีต่อขบวน ในช่วงระหว่างเวลา 7.30 – 08.30 น. เพื่อบรรเทาปัญหาความหนาแน่นของผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในช่วงเร่งด่วนเช้า และช่วงเร่งด่วนเย็นเพิ่มจาก 6 ขบวน เป็น 8 ขบวน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา
การตรวจวัดความหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วนเช้า ตั้งแต่เวลา 7.00 – 9.00 น. ที่สถานีเตาปูน สถานีลาดพร้าว สถานีสุทธิสาร และสถานีห้วยขวาง ซึ่งเป็นสถานีที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุด รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ตรวจวัดความหนาแน่นภายในขบวนรถตลอดเส้นทางจากสถานีเตาปูนถึงสถานีสีลม พบว่า BEM ได้จัดรถเสริมที่สถานีจตุจักร สถานีบางซื่อ และสถานีลาดพร้าว โดยเริ่มให้บริการรถเสริมตั้งแต่เวลา 07.20 น. เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนที่เดินทางในช่วงหน้าฝน รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกและจัดระเบียบภายในสถานีและขบวนรถโดยสาร และประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารบริเวณประตูเข้า-ออก เดินเข้าภายในขบวนรถ ทำให้ผู้โดยสารสามารถเข้าภายในขบวนได้มากขึ้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวช่วยบรรเทาปัญหาผู้โดยสารหนาแน่นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เวลา 7.30 – 8.30 น. ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ได้มอบให้ รฟม. และ BEM เร่งศึกษาการปรับตารางรถเสริมของรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ให้สอดคล้องกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีเตาปูน เพื่อลดความหนาแน่นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้า และเน้นย้ำให้ รฟม. และ BEM พิจารณาการเพิ่มจำนวนตู้โดยสารจาก 3 ตู้ต่อขบวน เป็น 4 ตู้ต่อขบวนอย่างเร่งด่วน และพิจารณาเพิ่มจำนวนขบวนรถที่มีในปัจจุบัน 54 ขบวน ให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสาร เพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารในอนาคต ซึ่งขณะนี้มีจำนวนสูงสุดถึง 5.7 แสนคน/วัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าในเส้นทางต่าง ๆ เนื่องจากการจัดหาตู้โดยสาร/ขบวนรถต้องใช้ระยะเวลาในการจัดหาล่วงหน้าประมาณ 2 ปี ส่วนการลงพื้นที่ตรวจวัดความหนาแน่นของผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วนเย็น 17.00-19.00 น. ที่สถานีสุขุมวิท สถานีเพชรบุรี และสถานีจตุจักร รวมทั้งความหนาแน่นในขบวนรถ เพื่อติดตามผลจากมาตรการของ BEM เช่นเดียวกับในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าได้ดำเนินการไไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม เช่นกัน
สำหรับความหนาแน่นของปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ ได้เร่งรัดให้บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ปรับปรุงตู้ขนสัมภาระเป็นตู้โดยสาร ของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ แบบด่วน (Express Line) เพิ่มเติมอีก 1 ขบวน เพื่อให้สามารถให้บริการผู้โดยสารในระบบบได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะปรับปรุง แล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2566 และมอบหมายให้บริษัทฯ พิจารณาการเพิ่มจำนวนรถไฟรองรับผู้โดยสารในอนาคตต่อไป
ที่มา : เว็บไซต์กรมการขนส่งทางราง www.drt.go.th/public-relations/กรมรางตรวจซ้ำ-ความถี่รถ