SCB โชว์กำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปีนี้ กวาด 11,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดรวมครึ่งปีแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิ 22,864 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% ตั้งเงินสำรองในเชิงรุกจำนวน 12,098 ล้านบาท รองรับการดำเนินธุรกิจในช่วงเศรษฐกิจยังเปราะบางจจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB เปิดเผยผลการดำเนินงานโดยรวมในไตรมาสสองของปี 2566 โดยระบุว่า มีความแข็งแกร่ง มี ROE หรืออัตราส่วนกําไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 10% เป็นครั้งแรกนับจากวิกฤตโควิด-19 ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามหลักความระมัดระวังรอบคอบภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน และมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
"กำไรสุทธิในไตรมาส 2/66 มากจากการขยายตัวของฐานรายได้อย่างแข็งแกร่งและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 30,791 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ ตลอดจนการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภค ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ มีจำนวน 11,119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งสะท้อนถึงการเริ่มฟื้นตัวของค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมทางการเงินและสินเชื่อ"นายอาทิตย์ กล่าวและว่า บริษัทฯ ได้ตั้งเงินสำรองในเชิงรุกจำนวน 12,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อรองรับการดำเนินงานของธุรกิจในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มสินเชื่อผู้บริโภคที่ไม่มีหลักประกัน ภายใต้สถานการณ์ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงเปราะบาง มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทั้งนี้ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 170.6%
