การเมืองเดินมาถึงจุดที่ไม่มีใครคิดถึงมาก่อนว่า "เหลือง-แดง" จะทำงานร่วมกันได้ ทั้งที่เคยฟาดฟันกันมาอย่างหนักหน่วงตลอดเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา
ประโยคที่ว่า "ไม่มีมิตรแท้และศรัตรูถาวร" ไม่ใช่เรื่องเกินจริงในสังคมการเมืองไทย เมื่อวันนี้สถานการณ์ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าคนที่เคยโกรธเกลียดกันชนิด "ผีไม่เผาเงาไม่เหงียบ" กำลังจะร่วมหอลงโลงจับมือกันเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ โดยไม่สนใจความรู้สึกของกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย
"ซุปเปอร์ดิล" ที่ฮ่องกง น่าจะทำให้ได้รัฐบาลใหม่บริหารประเทศได้ในระยะเวลาอันใกล้ หากจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ประธานรัฐสภานัดประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 3 ในวันที่ 4 สิงหาคม ไม่มีคลื่นแทรกให้เกิดการพลิกผันไปจากที่ตกลงกันไว้
เท่าที่ฟังการพูดจาจากนักการเมืองทั้งสองฝ่ายพอประมาณสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ว่า
1.เป็นไปได้ที่จะไม่มีการรับตีความข้อบังคับประชุมสภาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้มติสภาคาอยู่อย่างนั้นเพื่อไม่ให้เสนอชื่อ "พิธา" ได้อีก
2.การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 4 สิงหาคมน่าจะได้นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทจากพรรคเพื่อไทย เป็นผู้นำฝ่ายบริหารคนที่ 30
3.หากวันที่ 4 สิงหาคม ไม่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเพราะติดขัดปัญหาบางประการ อำนาจการจัดตั้งรัฐบาลจะถูกส่งไม้ต่อไปให้พรรคภูมิใจไทย เพื่อให้มีข้ออ้างใช้เป็นทางออกในการถีบพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน (กรณีนี้อาจจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังวันที่ 4 สิงหาคมก็ได้)
4.จะจบสวยอย่างที่วาดภาพไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายอุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ว่าจะพอใจกับบทบาทตัวแปร หรือเมื่อโอกาสมาถึงแล้วยจะไม่ยอมทิ้งโอกาสในการก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ถ้าพอใจกับบทบาทตัวแปรถึงจะเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก็ยังยอมให้แคนดิเดทจากเพื่อไทยเป็นนายกฯก็จบง่าย
แต่หากไม่ยอมคงต้องใช้เวลาเคลียร์กันอีกพักใหญ่
ทั้งนี้ไม่ว่าจะอย่างไรทุกอย่างต้องเคลียร์ให้จบก่อนเครื่องบินนายใหญจะแลนดิ้งแตะพื้นสนามบินดอนเมืองในวันที่ 10 สิงหาคม
5.ทุกพรรคการเมืองส่งสัญญาณชัดเจนว่าสามารถร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยไทยขอเพียงไม่มี "ก้าวไกล" การรวบรวมเสียงส.ส.ให้เกินกึ่งหนึ่งของสภาล่างจึงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่สิ่งที่ต้องขีดเส้นใต้ตัวหนาๆ คือ ตั้งรัฐบาลได้ แต่จะอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีพรรคก้าวไกลจะเผชิญแรงเสียดทานหนักหน่วงทั้งในสภาและนอกสภา
อย่างไรก็ตามแนวรบในสภาอาจไม่ยากนัก หากว่าก้าวไกลถูกยุบพรรค ซึ่งจะทำให้ส.ส.แพแตก ต้องหาสังกัดใหม่ แน่นอนว่าน่าจะมีส.ส.ส่วนหนึ่งยอมรับกล้วยเพื่อกลายร่างเป็นงูเห่าเลื้อยเข้ารูพรรคการเมืองในสังกัดรัฐบาลใหม่
แม้จำนวนส.ส.แปรพักต์อาจจะไม่มากเท่าตอนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แต่มี "งูเห่า" แน่ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้แนวรบในสภาอ่อนลง
ปัญหาเดียวคือแนวรบนอกสภา ที่ต้องรอดูว่าม็อบ "ส้ม" จะจุดติดหรือไม่ เมื่อไม่มีคนจาก "แดง-เหลือง" มาช่วยเติม
อีกปัจจัยที่มองข้ามไม่ได้คือความเป็นอยู่ของ "นายใหญ่" เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย หากอยู่อย่างสุขสบายเกินกว่าสถานะ "นักโทษ" อาจสร้างความรู้สึกร่วมของผู้คนในสังคมจนไปเติมจำนวนผู้คนให้ลงถนนมากขึ้นได้
ถ้าม็อบจุดติดผู้คนมากมายพากันลงถนน ฉากจบก็เป็นไปได้แค่ 2 ฉาก
หนึ่งคือ...รุนแรงวุ่นวาย และจบลงด้วยการ "ยึดอำนาจ"
อีกหนึ่งคือ...ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่หากยุบสภาแล้วยังไม่สงบ ก็คงจบแบบเดิมคือ "ยึดอำนาจ"
เขียนโดย : ทีมข่าวการเมือง "โลกธุรกิจ"